ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด (4) -vs- เชลซี (2) .....(23.00 น.)
สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ราคา : แมนฯยูไนเต็ด ต่อ ปปลบสิบ
ผลการพบกันในฤดูกาลนี้
พรีเมียร์ลีก - ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์, เชลซี เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1
ผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
แชร์ริตี้ ชิลด์ - ที่ เวมบลี่ย์, แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ เชลซี 1-1 (แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะยิงจุดโทษ 3-0)
พรีเมียร์ลีก - ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 2-0
- ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์, เชลซี ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก - ที่ ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม, เชลซี เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 (เชลซี แพ้ยิงจุดโทษ 5-6)
สถิติการพบกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ฤดูกาล ผลการแข่งขัน
2007-2008 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
2006-2007 แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ เชลซี 1-1 (พรีเมียร์ลีก)
2005-2006 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
2004-2005 แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ เชลซี 1-3 (พรีเมียร์ลีก)
แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ เชลซี 1-2 (คาร์ลิ่ง คัพ)
2003-2004 แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ เชลซี 1-1 (พรีเมียร์ลีก)
ฟอร์ม 5 นัดล่าสุด
แมนฯ ยูไนเต็ด
07-01-09 แพ้ ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ 0-1 (เยือน) (คาร์ลิ่ง คัพ)
04-01-09 ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-3 (เยือน) (เอฟเอ คัพ)
30-12-08 ชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-0 (เหย้า)
26-12-08 ชนะ สโต๊ค 1-0 (เยือน)
21-12-08 ชนะ กีโต้ 1-0 (กลาง) (ชิงแชมป์สโมสรโลก)
ฟอร์มเกมเหย้าในลีกล่าสุดของ แมนฯยูไนเต็ด : แข่ง 8 ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 0 ได้ 20 เสีย 4 แต้ม 22
เชลซี
03-01-09 เสมอ เซาธ์เอนด์ 1-1 (เหย้า) (เอฟเอ คัพ)
28-12-08 เสมอ ฟูแล่ม 2-2 (เหย้า)
26-12-08 ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 (เหย้า)
22-12-08 เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0 (เยือน)
14-12-08 เสมอ เวสต์แฮม 1-1 (เหย้า)
ฟอร์มเกมเยือนในลีกล่าสุดของ เชลซี : แข่ง 10 ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 0 ได้ 23 เสีย 3 แต้ม 26
สภาพความพร้อมล่าสุด
แมนฯ ยูไนเต็ด
เวย์น รูนี่ย์ (ซ้าย) จะกลับมายืนล่าตาข่ายคู่กับ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ (ขวา) อีกครั้ง
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแดนวิสกี้ของ "ปีศาจแดง" ซึ่งเพิ่งพาทีมชุดสำรองของตัวเอง บุกไปพ่าย ดาร์บี้ 0-1 ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เกมนี้ เตรียมปรับทัพเกือบยกชุด โดย ริโอ เฟอร์ดินานด์ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวแกร่ง จะกลับมายืนคุมแนวรับร่วมกับ เนมานย่า วิดิช คู่หูชาวเซอร์เบีย อีกครั้ง หลังสลัดอาการบาดเจ็บที่หลังได้แล้ว ในรายของ ปาทริซ เอวร่า ก็ชดใช้โทษแบน 5 นัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ซาร์ นายทวารมือ 1 ชาวดัตช์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์ และ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ได้โอกาสพักแข้งในเกมดังกล่าว ก็จะกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงตามเดิม เช่นเดียวกับ แกรี่ เนวิลล์ แบ็กขวาตัวเก๋า ที่น่าจะยึดตำแหน่งคืนจาก ราฟาเอล ดา ซิลวา แข้งรุ่นน้องชาวบราซิเลี่ยน ส่วนพวกที่เดี้ยงยาวอย่าง เวสต์ บราว แบ็กขวา และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ มิดฟิลด์ฮาร์ทแมน ยังหมดสิทธิ์ต่อไป
เชลซี
"สิงห์บูลส์" จะได้ จอห์น เทอร์รี่ (ซ้าย) กับ มิชาเอล บัลลัค (ขวา) พ้นโทษแบนกลับมา
หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือชาวบราซิเลี่ยนของ "สิงห์บูลส์" จะได้ จอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังกัปตันทีม พ้นโทษแบน 3 นัด กลับมายืนคุมเกมรับร่วมกับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ กองหลังโปรตุกีสที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ส่วน โชเซ่ โบซิงวา แบ็กขวา ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในเกมเอฟเอ คัพ รอบสาม ที่เสมอกับ เซาธ์เอนด์ 1-1 น่าจะฟิตพร้อมลงเล่นต่อไป
ขณะที่ มิชาเอล บัลลัค ก็พ้นโทษแบน 1 นัด กลับมาแล้วเช่นกัน โดยคาดว่า "บิ๊กฟิล" จะใส่ชื่อของ จอมทัพชาวเยอรมัน อัดในระบบมิดฟิลด์ตัวกลาง 3 ตัว ร่วมกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ห้องเครื่องตัวเก่ง และ จอน โอบี มิเกล มิดฟิลด์ชาวไนจีเรีย ส่วน เดโก้ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรุเกส ยังต้องเบียดแย่งตำแหน่งปีกขวากับ ซาโลมง กาลู แนวรุกชาวไอวอรี่โคสต์ โดยมี โจ โคล จับจองพื้นที่ทางฝั่งซ้ายไว้แล้ว
ด้าน ปีเตอร์ เช็ก โกล์มือ 1 ที่ได้พักแข้งในเกมเอฟเอ คัพ ที่เสมอกับ เซาธ์เอนด์ 1-1 ก็จะกลับมายืนเฝ้าเสาตามปกติอีกครั้ง ทว่า นิโคล่าส์ อเนลก้า ดาวซัลโวสูงสุดของทีม ซึ่งยิงไปแล้ว 16 ลูกทุกรายการ อาจเสียตำแหน่งหอกตัวเป้าให้กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา อย่างไรก็ดี ทีมยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน ฟลอร็องต์ มาลูด้า ปีกทีมชาติฝรั่งเศส ที่เจ็บเอ็นร้อยหวาย, มิชาแอล เอสเซียง และ ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ ที่เจ็บเข่าทั้งคู่
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-4-2) : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - แกรี่ เนวิลล์, เนมานย่า วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอวร่า - พาร์ค ชี-ซอง, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - เวย์น รูนี่ย์, ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ
เชลซี (4-1-4-1) : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล - ซาโลมง กาลู, มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล - ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
จับยามสามตา
เพิ่งทำผลงานอับอายขายขี้หน้าเหมือนกัน ในเกมล่าสุดของตัวเอง โดย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปแพ้ ดาร์บี้ ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ 0-1 ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ แม้ว่า จะใช้ชุดสำรองเล่น แต่ก็ถือว่าพลิกล็อคเกินขาด ขณะที่ เชลซี เปิดบ้าน ทำได้แค่ เสมอกับ เซาธ์เอนด์ ทีมจากลีกวัน 1-1 ส่งผลให้ เกมนี้ น่าจะเป็นเกมที่ทั้งสองคู่หวังใช้กู้ศรัทธาคืนจากแฟนบอลให้ได้
สำหรับ สภาพความพร้อมนั้น ทั้งขุนพล "ปีศาจแดง" และ พลพรรค "สิงห์บูลส์" มีขุมกำลังค่อนข้างสมบูรณ์ หลังได้ตัวหลักทยอยหายเจ็บและพ้นโทษแบนกลับมาเสริมทัพหลายคน อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ของทั้งสองทีมในตอนนี้ น่าจะอยู่ จังหวะการปิดบัญชี ที่ไม่เฉียบคม ใช้โอกาสเปลือง นอกจากนี้ การสร้างสรรค์เกมยังดูเหมือนไร้ไอเดีย ขาดความหลากหลาย ทำให้เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่มาเน้นรับ พวกเขาก็มักจะทำอะไรไม่ได้ถนัดนัก
อย่างไรก็ตาม คาดว่า เกมนี้ น่าจะเป็นเกมที่เปิดแลกกันสนุก เพราะมี 3 คะแนนล้ำค่าเป็นเดิมพัน หลังจากที่ ลิเวอร์พูล อุตส่าห์อ่อยให้ โดยการบุกไปเสมอกับ สโต๊ค ซิตี้ 0-0 เมื่อวานนี้ ซึ่งสถิติการพบกันในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดช่วง 2-3 ปีหลังนั้น ดูเหมือนว่า ลูกทีมของ "เซอร์ อเล็กซ์" จะทำได้ดีกว่า นิดๆ (นับตั้งแต่การจากไปของ โชเซ่ มูรินโญ่) ดังนั้น จึงเชื่อว่า มีโอกาสอีกครั้ง ที่ แมนฯ ยูฯ จะทำได้ดี เพราะ เชลซี ใน ชั่วโมงนี้ ดูยังไง ก็ยังไม่ท็อปฟอร์ม
สกอร์ที่คาด : แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 1-0, 2-1
11 / 01 / 2009 13:53