เมื่อเลิกเล่นไม่ได้ก็ต้องออกจากสถานที่ที่ทำให้จิตใจขุ่นมัว ในปี 2004 โรเบิร์ต เอ็งเค่ ย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า มาอยู่กับ ฮันโนเวอร์ ที่เยอรมันอีกครั้ง ทุกคนเชื่อว่าการเปลี่ยนบรรยากาศ จะทำให้ทุกอย่างค่อยๆ กลับมาดีขึ้น และสุดท้ายความผิดปกติที่เกิดขึ้น มันจะค่อยๆ ทุเลาเเละหายไป
สิ่งดีสิ่งแรกเริ่มปรากฎ เทเรซ่า ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ลูกสาวคนแรกในปีนั้นพอดี การมีลูกเหมือนเข็มทิศชี้ให้ชีวิตเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ดังนั้น เอ็งเค่ จึงกลับมาอยู่ในสภาพที่เรียกว่าดีขึ้นมากจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งในชีวิตประจำวัน และฟอร์มการเล่นในสนามกับฮันโนเวอร์
การนับวันรอที่จะพบกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเป็นไปอย่างตื่นเต้น แต่หลังจากเข้าสู่ช่วงปลายปี 2004 เทเรซ่า ไปตรวจพบแพทย์ตามปกติ ทว่าหนนี้หมอบอกว่าเด็กจะเกิดมาพร้อมกับปัญหาสุขภาพ และแนะนำให้เธอทำแท้งเสีย ...
เอ็งเค่ ไม่ยอม เขาอยากให้ลูกเขามีชีวิตต่อไป เขาเอาใจใส่ดูแลภรรยาอย่างดี จนลูกสาวที่ขื่อ “ลอร่า” ลืมตาดูโลกออกมา แม้จะเป็นการคลอดก่อนกำหนด 3 เดือน ... แต่ฟ้าก็ถล่มใส่ เอ็งเค่ อีกครั้ง
ลอร่า มีอาการลิ้นหัวใจรั่ว ต้องได้รับการผ่าตัดตั้งแต่แรกเกิด ทว่าการผ่าตัดส่งผลร้ายเเรงกว่าที่คาด นอกจากจะทำให้เธอต้องอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือนแล้ว มันยังมีผลข้างเคียงที่ทำให้หัวใจของเธออ่อนแอและที่สำคัญ คือ เธอกลายเป็นคนหูหนวก แม้หมอบอกว่าอาการหูหนวกนี้สามารถแก้ไขได้ในอนาคต แต่ต้องรอให้เธอโต และพร้อมกว่านี้ นั่นจึงทำให้ เอ็งเค่ มีกำลังใจสู้ขึ้นมาอีกเฮือก ... แต่มันเป็นเพียงเฮือกสั้นๆ เท่านั้น
เอ็งเค่ ตัดสินใจส่งเธอเข้ารับการผ่าตัดซึ่งโอกาสรอดมีแค่ 10 เปอร์เซนต์ และสุดท้ายเธอก็จากพ่อของเธอไปด้วยวัยเพียงแค่ 2 ขวบภายใต้จูบสุดท้ายของเอ็งเค่ บนลงหน้าผากของเธอ
ความเจ็บปวดที่พูดไม่ได้...หัวใจที่พังทลายของ เอ็งเค่ ทำให้ เทเรซ่า ภรรยาของเขาพาย้ายที่อยู่ใหม่อีกครั้ง ด้วยการไปอาศัยอยู่ในบ้านทุ่ง พร้อมทำฟาร์มเป็นอาชีพเสริม ชีวิตครอบครัวเหมือนจะกลับมามีความสุข สามีและภรรยาคู่นี้ต่างก็รักสัตว์ด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาจึงร่วมรณรงค์กับ "พีต้า" ต่อต้านอุตสาหกรรมขนสัตว์
เขากลับมาโฟกัสกับฟุตบอลใหม่ ในฤดูกาล 2007-08 ฮันโนเวอร์ ในยุคกุนซือ ดีเตอร์ เฮ็คกิ้ง มอบหมายให้เขาเป็นกัปตันทีม ขณะที่ เอ็งเค่ ก็เซฟกระจายจนกลายเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในบุนเดสลีก้าฤดูกาลดังกล่าว และดีถึงขนาดที่ว่าก้าวไปติดทีมชาติเยอรมันในปี 2009 เลยทีเดียว
เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าความเจ็บช้ำนั้นทุเลาลงเมื่อครอบครัวของ เอ็งเค่ รับตัว ไลล่า เด็กหญิงคนหนึ่งเข้ามาเป็นลูกบุญธรรม ไม่มีใครรู้ว่า โรเบิร์ต เอ็งเค่ คิดอย่างไรที่รับตัว ไลล่า มาเลี้ยงดู เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้เองสักครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนยิ่งกว่า คือ โรควิตกกังวลกลัวฟุตบอลที่เคยเป็นที่ บาร์เซโลน่า กลับมาก่อตัวอีกครั้งในช่วงที่เสียลอร่าไป
แม้คนที่บ้านจะรู้ว่า เอ็งเค่ กำลังป่วยโดยเฉพาะ เทเรซ่า ที่เคยช่วย โรเบิร์ต จากการฆ่าตัวตายมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่การเก็บมันเอาไว้ ทำให้ไม่เคยมีใครในสโมสรเลยที่รับรู้เรื่อง เขายังทำตัวเหมือนปกติด้วยการไปซ้อมและลงสนามเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทว่าการเก็บไว้นานก็กลายเป็นระเบิดเวลา จากปัญหาจิตใจลามมาเป็นปัญหาสภาพร่างกาย เขาล้มป่วยด้วยอาการติดเชื้อในช่องท้องอย่างรุนแรง จนส่งผลให้ต้องรักษาตัวอยู่ระยะหนึ่ง และหลุดโผจากทีมชาติในที่สุด ทั้งๆ ที่ในตอนนั้น หลายฝ่ายมองว่า เอ็งเค่นี่แหละ คือมือ 1 ของทีมอินทรีเหล็กในฟุตบอลโลก 2010 ที่ใกล้จะมาถึง
การพักรักษาตัวในช่วง 3 เดือนผ่านพ้นไป เขากลับมาซ้อมทีมแบบปกติอีกครั้งและลงสนามในเกมที่ ฮันโนเวอร์ เสมอกับ ฮัมบูร์ก 2-2 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2009 ... ทุกอย่างดูเหมือนจะดี และไม่มีสัญญาณเตือนอันตราย ทว่าสุดท้ายมันก็กลับตาลปัตร เพราะในการซ้อมทีม ช่วงบ่ายของวันที่ 10 พฤศจิกายน หรืออีก 2 วันต่อมาก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้ ... วันนั้นเอ็งเค่ขับรถมาซ้อมเอง ซึ่งปกติเเล้ว เทเรซ่า จะเป็นคนคอยมาส่งเสมอ
หลังจากซ้อมเสร็จ เอ็งเค่ ขับรถไปที่สถานีรถไฟ Neustadt am Rübenberge ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง บรรยากาศยามเย็นในฤดูหนาวทำให้ฟ้ามืดไวกว่าปกติ สีของฟ้าบอกถึงอารมณ์ของ เอ็งเค่ ในเวลานั้น เขาลงจากรถและเดินขึ้นมาที่สถานี เพื่อหวังจะทำในสิ่งที่คิดไว้
เวลา 19.00 เป็นเวลาที่รถไฟความเร็วสูงจะเทียบชานชาลา ทันใดนั้น เอ็งเค่ ก็กระโดดให้รถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 100 ไมล์ชนเขา แน่นอนว่าเขาเสียชีวิตในทันที ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพภายหลังพบว่าเป็นการ "ฆ่าตัวตาย" ... เอ็งเค่ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง โดยเฉพาะ เทเรซ่า ภรรยาของเขาที่จะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร เพราะเสียทั้งลูกและสามีไปในเวลาไล่เลี่ยกัน
การตายของ เอ็งเค่ เป็นความสูญเสียของวงการฟุตบอลเยอรมันอย่างแท้จริง ในงานศพของเขามีคนมาร่วมงานกว่า 35,000 คน ทุกคนในวันนั้นได้เห็นสภาพของ เทเรซ่า ที่ร้องไห้แบบไม่อายสายตาของใครก่อนจะฝังโลงของเอ็งเค่ คืนสู่ดิน